สเตฟเฟน เคอร์รี
Photo via larazon

สาเหตุว่าทำไมปีนี้ สเตฟเฟน เคอร์รี อาจไม่ติดทีม All-Star

สเตฟเฟน เคอร์รี คือผู้เล่นคนหนึ่งที่มีคนชื่นชอบและชื่นชมมากที่สุดในโลก และไม่ว่าจะมีการโหวตผู้เล่นเพื่อติดเกม All-Star กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ถ้าเขาไม่เจ็บหนักหรือป่วยอะไรจนไม่ได้ลงเล่นในฤดูกาลปกติ ตำแหน่งตัวจริงของเกม All-Star จะอยู่ในกำมือของเขาแน่นอน ซึ่งนับจนถึงตอนนี้ เคอร์รี ติด All-Star ตลอดอาชีพได้ทั้งหมด 9 ครั้ง (2014-2019 และ 2021-2023) แน่นอนว่าตลอดทั้ง 9 ครั้งนั้นเคอร์รีได้เป็นตัวจริงทั้งหมด แต่ทว่าในคราวนี้อาจไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกต่อไปเพราะทัศนียภาพของลีกได้เปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร แล้วทำไม สเตฟเฟน เคอร์รี อาจเป็นผู้เล่น All-Star ชุดสำรองครั้งแรกของอาชีพ? ติดตามไปพร้อมกันได้ที่นี่

ทำไม เคอร์รี มีสิทธิ์เป็นผู้เล่น All-Star ชุดสำรองครั้งแรกในอาชีพ

นับตั้งแต่ All-Star เกมในปี 2014 มาจนถึง 2023 เคอร์รีพลาดการติด All-Star เป็นตัวจริงแค่ในฤดูกาล 2019-20 เท่านั้นเนื่องจากตัวเขามีอาการบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงแรกของฤดูกาลจนลงเล่นไปได้เพียง 5 เกมเท่านั้น แต่ก็อย่างที่บอกไปว่านอกจากนั้นเขาเป็นตัวจริงหมดทุกรอบ ซึ่งในปีนี้ที่ทัศนียภาพของ NBA เปลี่ยนไป มันจึงทำให้โอกาสที่ เคอร์รี จะเป็นตัวจริง All-Star เป็นครั้งที่ 10 นั้นลดลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว รวมถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่เอื้อให้เคอร์รีเท่าไหร่ก็ยิ่งลุ้นยากมากขึ้นไปอีก แต่ก่อนที่จะไปอ่านบทความวิเคราะห์ เราจะขอย้ำตรงนี้ก่อนว่า เคอร์รี นั้นเป็นผู้เล่นแบ็คคอร์ท(การ์ด) และรูปแบบการโหวตตัวจริง All-Star นั้นยังคงเป็นเหมือนเดิมก็คือ 2 ตำแหน่งจากแบ็คคอร์ท(การ์ด) และ 3 ตำแหน่งจากฟรอนต์คอร์ท นี่จึงหมายความว่าแต่ละสายสามารถมีการ์ดเป็นตัวจริงได้เพียง 2 ที่นั่งเท่านั้น

คู่แข่งคนสำคัญของ สเตฟเฟน เคอร์รี

ผู้เล่นที่จะติดตัวจริงในสายตะวันตกคู่กับ เคอร์รี อยู่บ่อยครั้งในช่วงหลังก็คือ ลูก้า ดอนซิช ซึ่งในฤดูกาลนี้เขาก็มีแววที่จะเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องเพราะฟอร์มเกมรุกของเขาคือ 1 ใน 5 ผู้เล่นที่ดีที่สุดใน NBA ไปแล้ว จากสถิติ 32.9 แต้ม, 9.1 แอสซิสต์ และ 7.6 รีบาวด์ พร้อมกับความมีประสิทธิภาพทำแต้มสูงสุดในอาชีพ ส่วนคนที่เป็นคู่แข่งโดยตรงของ เคอร์รี เลยก็คือ เช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ ที่ฟอร์มโหดสุดๆไม่แพ้ ลูก้า ดอนซิช ด้วยสถิติ 30.7 แต้ม, 6.4 แอสซิสต์, 5.7 รีบาวด์ พร้อมกับสถิติการสตีลต่อเกมที่เป็นเบอร์ 1 ของลีกที่ 2.8 ครั้งต่อเกม ตัดภาพมาที่เคอร์รี ในฤดูกาลนี้ตัวเขาก็ยังเป็น เคอร์รี คนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แม้จะมีอายุอยู่ที่ 35 ปี แต่เขาก็ยังทำไปได้ถึง 28.0 แต้ม, 4.4 แอสซิสต์ พร้อมกับ 4.8 รีบาวด์ จากการยิงฟิลด์โกล 3 คะแนนที่ 41% จาการยิง 11.7 ครั้งต่อเกม ด้วยตัวเลขแบบนี้ บอกได้เลยว่าเขาสามารถติดเกม All-Star ได้แบบสบายๆ แต่เมื่อมาพิจารณาจากตัวเลขดูแล้วจะเห็นได้เลยว่าทั้ง ลูก้า ดอนซิช และ เช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ นั้นเหนือกว่าจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแต้ม, แอสซิสต์ หรือ รีบาวด์ก็ตาม เพราะฉะนั้นเมื่อถึงเวลาการโหวตที่แยกเป็นฝั่งตะวันตกและตะวันออก มันก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อยว่าคนที่ไม่ได้เชียร์ โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส นั้นจะเลือกโหวต SGA (เช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์) และ ดอนซิช มากกว่า เคอร์รี

สเตฟเฟน เคอร์รี
Photo via rappler

สภาพทีมที่ไม่เอื้ออำนวยให้ สเตฟเฟน เคอร์รี

หากจะยกตำแหน่งทีมในสายตะวันตกขึ้นมาพูดคุยกัน ตรงนี้คงจะเป็นอีกประเด็นที่ทำให้คะแนนของ ดอนซิช และ SGA เพิ่มพูนขึ้นมา เพราะว่า โอคลาโฮมา ซิตี้ ธันเดอร์ ของ SGA นั้นอยู่อันดับ 2 ของสายตะวันตก ส่วน ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ ของ ดอนซิช นั้นอยู่อันดับ 5 ของสายเดียวกัน ซึ่งมันห่างไกลกับ วอร์ริเออร์ส ที่อยู่ในอันดับ 11 อยู่พอสมควร ซึ่งนี่น่าจะเป็นอีกแรงจูงใจหนึ่งที่จะทำให้เคอร์รีอาจไม่ได้โหวตเยอะเท่าปีก่อนๆและถูก SGA แซงไปก็ได้เพราะผลงานโดยรวมของทีมไม่สู้ดีเอาซะเลย

การโหวตของแฟนบาสไม่ใช่ 100% ของคะแนน

ถ้าให้ย้ำกันอีกรอบ สำหรับตัวจริงเกม All-Star นั้นจะคิดจากผลโหวตของแฟนๆเพียงแค่ 50% ของคะแนนทั้งหมด ส่วนอีก 50% นั้นจะมาจากผู้เล่นด้วยกันเองและสื่อต่างๆ เพราะฉะนั้นยิ่งฟอร์มของ SGA และ ดอนซิช ดีเท่าไหร่ ทั้งสื่อและผู้เล่นในลีกก็มีแนวโน้มจะเอียงตามไปด้วยเช่นกัน นี่จึงเป็นเหตุผลทั้งหมดว่าทำไม สเตฟเฟน เคอร์รี มีสิทธิ์ที่จะไม่ได้เป็นตัวจริงเกม All-Star ในฤดูกาลนี้ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปสำหรับแฟน วอร์ริเออร์ส เพราะว่าด้วยฟอร์มระดับนี้ ยังไง เคอร์รี ก็ต้องติดทีมสำรองแน่นอนถ้าเขาพลาดไม่ติดตัวจริง

🔶15 วินาทีทายผลเกมลุ้นรับรางวัล 👉 https://sytgn.com/premier-league2023

🔶ติดตาม SYT LINE ไม่พลาดข่าวการแข่งขันกีฬา 👉 https://sytgn.com/SYTlinefriends