Photo via FourFourTwo

มีกระแสข่าวออกมาว่า เรอัล มาดริด ใกล้ที่จะได้ตัว จูด เบลลิ่งแฮม กองกลางดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาร่วมทีม ด้วยค่าตัวที่ว่ากันสูงเกิน 100 ล้านยูโร!

เรอัล มาดริด ถือเป็นทีมที่ชื่นชอบนักเตะอังกฤษ เพราะถ้าย้อนไปในอดีตมีผู้เล่นจากพรีเมียร์ลีกย้ายไปเป็นนักเตะของทีมราชันชุดขาวหลายคน ซึ่งมีไม่มากนักที่เราจะเห็นสโมสรจากลีกนอกสหราชอาณาจักรดึงผู้เล่นอังกฤษไปร่วมทีม เราเลยอยากพาย้อนไปดูว่าในประวัติศาสตร์ของสโมสรเรอัล มาดริด มีนักเตะอังกฤษคนไหนที่เคยไปค้าแข้งมาแล้วบ้าง

Photo via LCFC

ลอรี คันนิ่งแฮม

ก่อนเข้าสู่ยุค Galactico ที่ เรอัล มาดริด ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลคว้าผู้เล่นชื่อดังมาร่วมทีมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ซีเนอดีน ซีดาน, หลุยส์ ฟิโก้ และ โรนัลโด้ นักเตะที่เคยทำสถิติผู้เล่นค่าตัวแพงที่สุดที่ทีมราชันชุดขาวคว้าตัวมาร่วมทีม คือนักเตะอังกฤษอย่าง ลอรี่ คันนิ่งแฮม

คันนิ่งแฮม เป็นผู้เล่นตำแหน่งปีก ย้ายจาก เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน มาอยู่กับ เรอัล มาดริด ในปี 1979 ด้วยค่าตัว 950,000 ปอนด์ สามารถช่วยทีมคว้าแชมป์ลาลีกา สเปน ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายมาร่วมทีม พร้อมทั้งคว้าบอลถ้วยโคปา เดล เรย์ 2 ปีซ้อน คันนิ่งแฮมใช้เวลา 5 ปีในอาชีพค้าแข้งในถิ่นเบอร์นาเบว ยิงได้ 19 ประตูจากการลงเล่น 62 นัด

แต่น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บทำให้ คันนิ่งแฮม ได้เป็นผู้เล่นของ เรอัล มาดริด แบบเต็มตัวจริงๆ แค่ 2 ฤดูกาลเท่านั้น ก่อนจะถูกปล่อยไปให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ สปอร์ติ้ง กิฆอน ยืมตัวไปใช้งาน และถูกขายให้ มาร์กเซย ในฤดูกาล 1984-85 จากนั้น คันนิ่งแฮม ก็ได้ย้ายไปเล่นให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ และ ราโย บาเยกาโน่ และยังเคยติดทีมชาติอังกฤษอีก 6 นัดตลอดอาชีพการค้าแข้งของเขา

ในปี 1989 คันนิ่งแฮม เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่ออายุ 33 ปี แต่ผลงานที่เขาสร้างเอาไว้ก็ยังคงเป็นที่จดจำของแฟนบอลเสมอ โดยมีการสร้างอนุสาวรีย์ของ คันนิ่งแฮม ไว้ทั้งที่ถนนบริสเบน ใกล้สโมสรเลย์ตัน โอเรียนท์ ซึ่งเป็นสโมสรอาชีพสโมสรแรกของ คันนิ่งแฮม และที่หน้าสโมสรเวสต์ บรอมฯ รวมกับ ซีริลล์ เรจิส และ เบรนดอน บัตสัน ซึ่งเป็น 3 ประสานเกมรุกที่ช่วยกันสร้างชื่อให้กับ เวสต์ บรอมฯ ช่วงปี 1977-79

Photo via The Times

สตีฟ แม็คมานามาน

ในฤดูกาล 1998-99 สตีฟ แม็คมานามาน ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล หลังจากอยู่กับทีมมากกว่า 10 ปี ตั้งแต่สมัยเป็นผู้เล่นเยาวชน ซึ่งนั่นทำให้ แม็คก้า กลายเป็นผู้ร้ายในสายตาของแฟนบอลหงส์แดง เพราะมองว่านักเตะอยากจะย้ายทีมเพราะคิดถึงเรื่องเงินมากกว่าที่จะอยู่เล่นให้กับสโมสรที่ช่วยให้เขาเติบโตขึ้นมาในอาชีพนักฟุตบอล

เมื่อสามารถย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัว ทำให้มีหลายทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปอยากได้ แม็คมานามาน ไปร่วมทีม ทั้ง ยูเวนตุส, บาร์เซโลน่า และเป็น เรอัล มาดริด ที่ได้ตัว แม็คมานามาน มาร่วมทีม รับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 60,000 ปอนด์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นนักเตะอังกฤษที่รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว

แม็คมานามาน อยู่กับ เรอัล มาดริด 4 ปี ช่วงฤดูกาล 1999-2000 ถึงฤดูกาล 2002-03 ลงเล่น 158 เกมทุกรายการ ทำไป 14 ประตู คว้าได้ถึง 6 แชมป์ ประกอบด้วย แชมป์ลาลีกา สเปน 2 สมัย, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย, แชมป์ซูเปอร์โคปา เด เอสปันญ่า 1 สมัย และแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ อีก 1 สมัย

Photo via CharityStars

เดวิด เบ็คแฮม

คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าการย้ายมาทีมเรอัล มาดริด ของ เดวิด เบ็คแฮม คือการทำให้ภาพของทีมรวมนักเตะซูเปอร์สตาร์ หรือ Galactico ของทีมราชันชุดขาวกลายเป็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในสายตัวแฟนบอลทั่วโลก แม้ก่อนหน้านี้ในทีมจะมีทั้ง ซีเนอดีน ซีดาน, หลุยส์ ฟิโก้, ราอูล และ โรนัลโด้ แต่อย่างที่แฟนบอลทุกคนรู้ดี ภาพลักษณ์ของ เบ็คแฮม เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นซูเปอร์สตาร์ การย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาสู่ เรอัล มาดริด จึงเป็นเรื่องปกติที่สื่อและแฟนบอลทั่วโลกต่างก็จับจ้องให้ความสนใจ

เบ็คแฮม ย้ายจาก แมนฯยู มาอยู่กับ เรอัล มาดริด ในฤดูกาล 2003-04 ด้วยค่าตัวราว 35 ล้านยูโร ซึ่งการมาของ เบ็คแฮม อาจช่วยให้ เรอัล มาดริด ประสบความสำเร็จเรื่องภาพลักษณ์ ได้เม็ดเงินจากการขายเสื้อแข่งหมายเลข 23 ของ เบ็คแฮม จำนวนมหาศาล มีการเปิดภายโดยนิตยสาร Forbes ว่าตลอด 4 ปีที่ เบ็คแฮม อยู่กับ เรอัล มาดริด มีส่วนช่วยให้สินค้าต่างๆ ของสโมสรทำรายได้มากถึง 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ถ้าดูเรื่องความสำเร็จในแง่มุมของฟุตบอล เบ็คแฮม ช่วย เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ลาลีกาได้แค่สมัยเดียวตลอด 4 ปีทีค้าแข้งในถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาบิว กับอีกหนึ่งแชมป์บอลถ้วยซูเปอร์โคปา เด เอสปันญ่า 

ซึ่งฤดูกาลที่ เบ็คแฮม ได้แชมป์ลีกสเปนกับ เรอัล มาดริด คือฤดูกาลสุดท้ายของเจ้าตัวกับทีมราชันขุดขาว 2006-07 ซึ่งทีมพยายามที่จะสร้างทีม Galactico ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนักเตะชุดเดิมอำลาทีมไปเกือบหมด โดยทีมได้ผู้เล่นบิ๊กเนมคนใหม่ๆ เข้ามาเสริมแทน ทั้ง ฟาบิโอ คันนาวาโร่, รูด ฟาน นิสเตอรอย, เอเมอร์สัน, โฆเซ่ เรยส, มาร์เซโล่ และ กอนซาโล่ อิกัวอิน และได้ยอดผู้จัดการทีมอย่าง ฟาบิโอ คาเปลโล่ มาคุมทีม ช่วยให้ เรอัล มาดริด กลับมาเป็นแชมป์ลาลีกาได้อีกครั้งในรอบ 3 ปี

เบ็คแฮม ลงเล่นให้ เรอัล มาดริด ทั้งหมด 155 เกม ทำได้ 20 ประตู กับ 52 แอสซิสต์ รวมทุกรายการตลอด 4 ปีที่อยู่กับทีม ก่อนจะย้ายไปเปิดตลาดในฟุตบอลเมเจอร์ลีก อเมริกา กับสโมสรแอลเอ แกแล็กซี่ 

Photo via AS USA Twitter

ไมเคิล โอเว่น

ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษสร้างชื่อได้อย่างยอดเยี่ยมกับ ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ในระดับสูงกับทีมหงส์แดงตลอด 7 ปีที่ก้าวจากทีมระดับเยาวชนขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ เคยก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของอาชีพนักฟุตบอลด้วยการคว้ารางวัลบัลลงดอร์ในปี 2001 จนในปี 2004 โอเว่น ตัดสินใจย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล ไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ด้วยราคาเพียง 8 ล้านปอนด์เท่านั้น

แต่ช่วงเริ่มต้นของ โอเว่น กับ เรอัล มาดริด ดูจะไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่ เพราะศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษต้องรับบทในฐานะตัวสำรอง และยิงประตูให้ทีมไม่ได้เลยในช่วง 6 เกมแรกที่ลงสนาม แต่ถ้าดูจากผลงานโดยรวมตลอดซีซั่นแรกกับ เรอัล มาดริด ของ โอเว่น ถ็ถือว่าไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ ลงเล่นในลีก 36 เกม เป็นตัวจริง 20 เกม ทำได้ 13 ประตู

แต่ โอเว่น อยู่กับ เรอัล มาดริด ได้แค่ปีเดียว ซึ่ง โอเว่น เคยให้เหตุผลไว้ว่าตัวเขามีความสุขและสนุกกับการเล่นให้ เรอัล มาดริด แต่ครอบครัวของเขาไม่ค่อยชื่นชอบการใช้ชีวิตในสเปนมากนัก ทำให้ในที่สุด โอเว่น ก็เลือกย้ายกลับมาเล่นในอังกฤษกับ นิวคาสเซิล

Photo via Pinterest

โจนาธาน วูดเกต

ถือเป็นดีลย้ายทีมที่สร้างเซอรไพรส์อย่างมากให้กับวงการฟุตบอล เมื่อ เรอัล มาดริด ยอมจ่าย 13 ล้านปอนด์ คว้า โจนาธาน วูดเกต มาจาก นิวคาสเซิล ในฤดูกาล 2004-05 แม้ว่า วูดเกต จะได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็น 1 ในกองหลังอังกฤษที่มีฝีเท้าน่าจับตามอง แต่ในช่วง 3-4 ปีที่เล่นให้กับ ลีดส์ และ นิวคาสเซิล วูดเกต เจออาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอด

และเพราะปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บ ทำให้ตลอดซีซั่นแรกของ วูดเกต ในทีมราชันชุดขาว กองหลังดีกรีทีมชาติอังกฤษไม่มีโอกาสลงสนามให้ทีมเลยแม้แต่เกมเดียว กว่าจะได้ลงสนามนัดแรกให้กับ เรอัล มาดริด ต้องรออีกฤดูกาลถัดมา ในเกมลาลีกา ที่ มาดริด เปิดบ้านเอาชนะ บิลเบา 3-1 แต่เกมนี้น่าจะพูดได้ว่าเป็นเหมือนฝันร้ายของ วูดเกต กับการเริ่มต้นในฐานะนักเตะทีมราชันชุดขาว เพราะทั้งโดนใบแดงและทำเข้าประตูตัวเอง

วูดเกต เข้าๆ ออกๆ ในทีมราชันชุดขาว เพราะปัญหาอาการบาดเจ็บ มีบางช่วงเวลาของฤดูกาลที่ วูดเกต ยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมได้ แต่ลงสนามต่อเนื่องได้แค่ 3-4 เกมก็โดนอาการบาดเจ็บพรากไปอีก โดยเฉพาะช่วงท้ายฤดูกาลที่เจ็บจนต้องพักยาวเกือบครึ่งปี

สุดท้าย วูดเกต ก็อยู่กับ เรอัล มาดริด แค่ 2 ปี ลงเล่นไปแค่ 14 เกมรวมทุกรายการ ก่อนจะกลับมาเล่นในอังกฤษกับ มิดเดิลส์โบรห์, สเปอร์ และ สโต๊ค

🔶15 วินาทีทายผลเกมลุ้นรับรางวัล 👉 https://sytgn.com/premier-league2023

🔶ติดตาม SYT LINE ไม่พลาดข่าวการแข่งขันกีฬา 👉 https://sytgn.com/SYTlinefriends