บูกาโย่ ซาก้า แข้งวัย 21 ปีของ อาร์เซนอล ได้รับการชื่นชมให้เป็น 1 ในดาวรุ่งที่พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาได้อย่างโดดเด่น นับตั้งแต่เปิดตัวในทีมชุดใหญ่ของ เดอะ กันเนอร์ เมื่อปี 2018 ด้วยวัยแค่ 17 ปี ซึ่ง ณ เวลานี้ ซาก้า คือนักเตะคนสำคัญทั้งกับสโมสรและในทีมชาติอังกฤษ
นอกจากจะได้รับการยกย่องในเรื่องของฝีเท้า ซาก้า ยังถูกยกให้เป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจของเด็กๆ ที่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอล ซาก้า คือแรงบันดาลให้กับผู้คนมากมาย แล้วอะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับ ซาก้า วันนี้เราจะย้อนไปดูจุดเริ่มต้นที่ทำให้แนวรุกดาวรุ่งตัวเก่งของทีมปืนใหญ่ เติบโตจากเด็กที่ชอบเล่นฟุตบอลสู่ว่าที่ดาวเตะซูเปอร์สตาร์
สนามหญ้าหน้าบ้าน จุดเริ่มต้นที่ทำให้ยากเล่นฟุตบอล
ซาก้า ย้อนเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชื่นชมในการเล่นฟุตบอล ซึ่งมันเกิดขึ้นจากเรื่องธรรมดาๆ อย่างการเล่นฟุตบอลที่สนามหญ้าหน้าบ้านร่วมกับเด็กคนอื่น จากความสนุก กลายเป็นความชอบ เปลี่ยนเป็นความรัก และนำไปสู่ความฝันที่ต้องการทำให้เป็นความจริง
“ตอนที่ผมยังเด็ก ผมเป็นเด็กที่กระตือรือร้นอยู่เสมอ”
“บริเวณบ้านของผมมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ดังนั้นเราทุกคนสามารถออกไปที่นั่นและเล่นฟุตบอล ทำให้ความทรงจำแรกสุดของผมในการเล่นฟุตบอลคือในสวนหน้าบ้านของผม เป็นช่วงเวลาที่ผมได้เริ่มเล่นกับเด็กคนอื่นๆ”
“มันให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ผมไม่คิดว่าผมได้รับแรงบันดาลใจจากใครหรืออะไรที่ทำให้ผมอยากเล่นฟุตบอล มันเกิดขึ้นตามธรรมชาติในสภาพแวดล้อมที่เราเติบโตมา”
“ยิ่งผมอายุมากขึ้น ผมก็ยิ่งตกหลุมรักฟุตบอลมากขึ้น เล่นมันบ่อยขึ้นและก็ดูบอลเยอะขึ้นด้วย ในตอนนั้ผมชอบ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เด็กหลายคนในวัยเดียวกับผมก็ชอบดูเขาเช่นกัน สิ่งต่างๆ ที่เขาสามารถทำได้ในสนาม ทักษะของเขา วิธีการที่เขายิงฟรีคิก ผมคิดว่าพวกเราหลายคนเคยพยายามเลียนแบบสิ่งที่เขาทำได้”
พ่อ-แม่ คือแรงสนับสนุนแรกในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ
ความกระตือรือร้นบวกเข้ากับพรสวรรค์ของ ซาก้า ทำให้เขาได้เข้าสู่ศูนย์ฝึกสอนนักเตะเยาวชนของ อาร์เซนอล และได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2010 ไม่กี่เดือนก่อนวันเกิดอายุครบ 9 ขวบ
ตอนนี้ฟุตบอลเป็นจุดสนใจหลักในชีวิตของเด็กหนุ่มที่เกิดในเอลลิง แต่พ่อ-แม่ของเขาแม้จะให้การสนับสนุนเต็มที่ในเรื่องฟุตบอล แต่ก็ยังคงคอยเตือนเขาเสมอถึงความสำคัญของสิ่งอื่นที่เขาจำเป็นต้องให้ความสำคัญในวัยของเขา ซึ่งหมายถึงเรื่องของการศึกษา
“พ่อ-แม่ของผมต้องการให้ผมมีความสมดุลอยู่เสมอ แต่พวกเขามักจะสนับสนุนให้ผมทำในสิ่งที่ผมรัก ซึ่งก็คือฟุตบอล ดังนั้นพวกเขาจึงสนับสนุนผมอย่างเต็มที่” ซาก้า พูดถึงการสนับสนุนเรื่องฟุตบอลที่เขาได้รับจากพ่อ-แม่
“นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมได้รับโอกาสอย่างที่ผมได้รับอย่างในทุกวันนี้ เพราะพวกเขาอยู่ที่นั่นเพื่อผมเสมอ พวกเขาพาผมไปฝึกซ้อม พาผมไปแข่งขัน ทำให้แน่ใจว่าผมได้ทานอาหารดีๆ ที่เหมาะสมกับการเป็นนักกีฬา และอะไรทำนองนั้น”
“ผมคิดว่าคุณค่าของตัวผมได้รับการสั่งสอนจากพ่อ-แม่อย่างชัดเจน วิธีที่พ่อ-แม่เลี้ยงดูผมและน้องชายของผมตอนแรกผมแค่ต้องการเล่นฟุตบอล พวกเขาทำให้ผมรู้ว่าผมต้องมีความสมดุลในชีวิต คุณรู้ว่าไม่มีการรับประกันใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ บางครั้งฟุตบอลก็ไม่ได้ผล บางครั้งก็อาจไม่ใช่เพราะคุณไม่เก่งพอ คุณอาจโชคร้าย คุณอาจได้รับบาดเจ็บจนทำให้คุณต้องเลิกเล่น พวกเขาทำให้ผมรู้ถึงเรื่องนี้”
เกมแรกกับทีมชุดใหญ่ ช่วยเติมความเชื่อมั่นในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
สามเดือนหลังจากที่ ซาก้า ได้โอกาสร่วมซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของ อาร์เซนอล เขาได้ประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ โดยเป็นตัวสำรองในครึ่งหลังในเกมที่ทีมบุกไปชนะวอร์สกลา โปลตาวา 3-0 ในศึกยูโรปา ลีก เขาเชื่อว่ามันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างมากในการพัฒนาของเขา
ซึ่งเกมดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากวันเกิดอายุครบ 17 ปีของเขา โดย ซาก้า สวมเสื้อหมายเลข 87 ในทีมของ อูไน เอมิรี่
“ผมพอใจกับความก้าวหน้าของผมที่ Hale End ในแต่ละปี ผมรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในระดับที่ดีและได้รับรายงานที่ดีจากโค้ช ผมทำผลงานในระดับที่ดีมาโดยตลอด พัฒนาขึ้นทุกปี และเมื่ออายุมากขึ้น ผมเข้าใกล้การได้เลื่อนชั้นสู่สนามซ้อมลอนดอน โคลนีย์ และอยู่ใกล้ทีมชุดใหญ่ นั่นคือตอนที่มันกลายเป็นความจริงมากขึ้น”
“แต่สำหรับผม คุณจะไม่มีวันเข้ามาจริงๆ จนกว่าคุณจะเข้ามา ในหัวของผม มันไม่เคยรู้สึกว่าผมเป็นมืออาชีพเลย จนกระทั่งผมได้เล่นร่วมกับพวกเขาในทีมชุดใหญ่ นั่นคือตอนที่ผมรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นจริงสำหรับผม ตอนที่ผมลงสนามครั้งแรกกับ อารอน แรมซีย์ นักเตะระดับท็อปแบบนั้น และผมได้เดบิวต์ นั่นเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม”
🔶15 วินาทีทายผลเกมลุ้นรับรางวัล 👉 https://sytgn.com/premier-league2023
🔶ติดตาม SYT LINE ไม่พลาดข่าวการแข่งขันกีฬา 👉 https://sytgn.com/SYTlinefriends
