photo reddit.com

จอห์น มิเกล โอบี อดีตมิดฟิลด์กัปตันทีมชาติไนจีเรีย ออกมาเปิดเผยหลังอำลาวงการฟุตบอลว่า การบอกปฏิเสธข้อเสนอของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และย้ายไปยัง เชลซี ในซัมเมอร์ปี 2006 นั้น ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในเส้นทางนักฟุตบอลของตัวเองเลยก็ว่าได้

ปัจจุบัน มิเกล ในวัย 36 ปี ประกาศแขววนสตั๊ดอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดยในช่วงปี 2006 เจ้าตัวเคยกลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับมาแล้ว หลังจากสร้างเรื่องราวสุดดราม่าในการเลือกย้ายไปยัง เชลซี ทั้งที่ก่อนหน้านั้น เกือบจะเซ็นสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด เต็มทีแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลังย้ายจาก ลิน ในลีก นอร์เวย์ ไปยังถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ มิเกล ก็ประสบความสำเร็จมากมายด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, ลีก คัพ 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และ ยูโรป้า ลีก 1 สมัย ก่อนจะอำลาทีมเมื่อปี 2017

การตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของ จอห์น มิเกล โอบี

อดีตกัปตันทีม “อินทรีมรกต” เริ่มเล่าว่า “ผมไม่เสียใจกับการตัดสินใจในเรื่องที่ผมทำไปเลย เพราะผมรู้สึกดีกับทุกความสำเร็จที่ เชลซี มันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของผม ผมเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอนที่ผมอายุ 17 ปี ถ้าคุณยังเด็ก และคุณเห็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อยู่ตรงหน้า คุณก็พร้อมสัญญากับพวกเขาทันที แน่นอนว่า คุณเหมือนอยู่ในความฝัน”

ในปี 2006 มิเกล กำลังทำเอกสารเรื่องการย้ายสังกัดจาก ลิน ไปเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่กลายเป็น เชลซี ที่เร่งปาดหน้าเจรจากับ จอห์น ชิตตู เอเย่นต์ของเขา และผลสรุปก็พานักเตะเดินทางไปยังลอนดอนทันทีเพื่อเซ็นสัญญาด้วย  

ขณะที่ ลิน ก็แจ้งว่า ไม่ทราบว่า มิเกล ไปอยู่ที่ใดกันแน่ ซึ่งข่าวดังกล่าว แพร่กระจายไปทั่วโทรทัศน์ของนอร์เวย์อย่างรวดเร็ว โดยมีรายงานที่ผิดพลาดว่า อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติไนจีเรีย ถูกลักพาตัวไประหว่างย้ายสโมสร

มิเกล เล่าต่อว่า “ตอนนั้นผมยังเด็กมากๆ และทันทีที่ เชลซี ได้ยินข่าว พวกเขาก็เข้ามาหาผมทันที และพาผมออกจากนอร์เวย์ นั่นคือตอนที่ผู้คนเริ่มพูดว่าผมถูกลักพาตัว มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีสำหรับผมลเยในตอนนั้น ผมแค่อยากเล่นฟุตบอล”

มิเกล เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลด้วยการเล่นในบทบาทเพลย์เมคเกอร์หมายเลข 10 และเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในตำแหน่งดังกล่าวในฐานะผู้เล่นอายุน้อย นอกจากนี้ เจ้าตัวยังเคยติดทีมชาติไนจีเรียมาแล้วทุกชุด รวมถึงพาพลพรรค “อินทรีมรกต” เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี เมื่อปี 2005 อีกด้วย

 อย่างไรก็ตาม แม้จะโดดเด่นในฐานะจอมทัพมากพรสวรรค์กับไนจีเรีย แต่หลังย้ายมายัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ มิเกล ต้องปรับเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นเป็นกองกลางตัวรับตามที่ โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตเทรนเนอร์ชาวโปรตุเกสของ เชลซี

“มูรินโญ่ ตัดสินใจว่า เขาต้องการให้ผมเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับหน้าแผงแบ็คโฟร์ เพราะสุดท้ายแล้วเขาเป็นโค้ช และเป็นคนตัดสินใจทั้งหมด เราคุยกันแล้ว และเขารู้สึกว่า ด้วยจำนวนมิดฟิลด์ที่เขามีในทีม ผมจึงควรเล่นถอยไปเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ”

“ในตอนนั้น โคล้ด มาเกเลเล่ เพิ่งอำลาทีมไป ดังนั้น มูรินโญ่ จึงต้องการให้ผมรับช่วงต่อจาก มาเกเลเล่” มิเกล กล่าว

photo talksport.com

นักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศไนจีเรีย

มิเกล เคยติดทีมชาติไนจีเรีย ไปมากถึง 89 นัด โดยลงเล่นในฟุตบอลโลก 2 สมัย และช่วยให้บ้านเกิดคว้าแชมป์ แอฟริกัน เนชันส์ คัพ ในปี 2013 ก่อนจะประกาศอำลาทีมชาติเมื่อ 4 ปีก่อน นอกจากนี้ ในระดับสโมสรเขราก็ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย

อดีตกองกลาง เชลซี กล่าวว่า “ผมอยากคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาโดยตลอด เพราะมันเป็นรายการฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก ยกเว้นฟุตบอลโลก และการได้แชมป์กับทีมชาติก็ดีมากเช่นกัน ตอนเด็กๆ ผมเคยดู เจย์ เจย์ โอโคชา และ เอ็นวานโก้ คานู ลงเล่นอยู่เสมอ”

“ผมบอกกับตัวเองตลอดเวลาว่า ผมอยากคว้าแชมป์ร่วมกับทีมชาติไนจเรีย ผมมีความสุขมากที่ได้ทำมันสำเร็จ ผมจะจัดอันดับให้ทั้งถ้วยยุโรป และถ้วย แอฟริกัน เนชันส์ คัพ เป็น 2 รายการที่ผมชื่นชอบมากที่สุด”

มิเกล ยังเป็นหนึ่งในขุนพลอายุเกินเกณฑ์ 3 รายของทีมชาติไนจีเรียที่ได้รับเหรียญทองแดงจากการแข่งขันกีฬา โอลิมปิก เมื่อปี 2016 ที่ ริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล อีกด้วย และอีก 1 ปีต่อมา เขาก็ย้ายไปเล่นกับ เทียนจิน เทนด้า ในศึกไชนีส ซุเปอร์ลีกประเทศจีน

ในปี 2018 มิเกล ก็หวนกลับไปเล่นในอังกฤษกับ มิดเดิลสโบรห์ จากนั้น ก็ไปเล่นตะเวนไปเล่นกับหลายสโมสร อาทิ แทรปซอนสปอร์, สโต๊ค ซิตี้ และ คูเวต เอสซี ก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการ

มุมมอง และความเป็นไปได้

การย้ายทีมของ มิเกล ที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่งวงการฟุตบอลเมื่อเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมานั้น ส่วนหนึ่งงมาจากการที่เอเย่นต์ของเขาได้รับผลประโยชน์จากทาง เชลซี มากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งตอนนี้ “สิงโตน้ำเงินคราม” บริหารงานโดย โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ที่มีเงินมากพอในการกว้านซื้อนักเตะซุเปอร์สตาร์จากทั่วทุกมุมโลกเข้าไปร่วมทีม

🔶15 วินาทีทายผลเกมลุ้นรับรางวัล 👉 https://sytgn.com/premier-league2023

🔶ติดตาม SYT LINE ไม่พลาดข่าวการแข่งขันกีฬา 👉 https://sytgn.com/SYTlinefriends