Photo via liverpoolecho

ไม่น่ามีอะไรพลาดแล้วสำหรับดีลของ ไรอัน กราเฟนเบิร์ช ที่กำลังเข้ามาเป็นขุนพลของลิเวอร์พูลคนใหม่ด้วยสัญญายาว 5 ปีโดยมีค่าตัวอยู่ที่ 40 ล้านยูโร อย่างไรก็ตาม กราเฟนเบิร์ช นั้นดูขึ้นชื่อในเรื่องความสามารถในการเล่นได้หลายมิติในแดนกลาง โดยเขาสามารถเล่นได้ทั้งตัวรับ, โฮลด์บอล และ บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ ก็ถูกตั้งคำถามว่าเขาเหมาะสมกับตำแหน่งไหนมากที่สุดกันแน่ เพราะฤดูกาลที่แล้วเขาไม่ค่อยได้ลงสนามให้กับบาเยิร์น มิวนิคมากนัก ดังนั้น เพื่อขจัดความสงสัยเราจะขอพาทุกคนไปพบกับคุณสมบัติของจอมทัพวัย 21 ปีคนนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม

เล่นได้ทุกมิติในแดนกลาง

ย้อนกลับไปช่วงตลาดซื้อขายฤดูกาล 2021-22 ไรอัน กราเฟนเบิร์ช ตกเป็นข่าวย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลอย่างหนักหลังจากที่ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด ผู้อำนวยกีฬาในสมัยนั้นได้เฝ้าติดตามฟอร์มการเล่นของเขาอย่างใกล้ชิดเพื่อรอยื่นข้อเสนอซื้อในฤดูกาล 2022-23 จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาเขาเลือกที่จะย้ายออกจากอาแจ็กซ์ไปยังบาเยิร์น มิวนิค ส่วนสาเหตุที่ลิเวอร์พูลอยากได้กราเฟนเบิร์ชมาร่วมทีมตั้งแต่อายุ 20 ปี นั่นก็เพราะว่าสไตล์การเล่นของเขาตอบโจทย์ฟุตบอลสปีดแบบรวดเร็วของกุนซือ เจอร์เกน คล็อปป์ เพราะแข้งชาวดัตช์รายนี้มีจุดเด่นที่ไปกับบอลได้ดี เอาตัวรอดในจังหวะคับขันได้ดี และสามารถรับบอลแล้วขึ้นเกมรุกต่อได้ทันที อีกทั้งด้วยส่วนสูง 190 เซนติเมตร แต่กลับทดแทนด้วยความคล่องตัวและการจ่ายบอล ทำให้เขาได้เปรียบทั้งในด้านเกมรุก เกมรับ และความสมดุลในคนเดียวกัน อย่างไรก็ตาม 1 ฤดูกาลกับ “เสือใต้” เขาแทบไม่ได้แจ้งเกิดเมื่อมีโอกาสลงสนามในลีกไปเพียง 24 นัด และเป็นตัวจริงแค่ 3 นัด ซึ่งในระบบ 4-2-3-1 ของกุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล เขาเป็นตัวเลือกรองจาก โจชัว คิมมิช, จามาล มูเซียลา และ ลีออน โกเรทซ์ก้า ซึ่งแน่นอนว่า 3 คนนี้เล่นด้วยกันมานานหลายปีแล้ว จึงไม่แปลกที่เขาจะหนักไปที่ม้านั่งสำรอง นั่นทำให้คนเก่งอย่างเขากระหายอยากลงสนามสุดขีด

โอกาสใหม่ที่ลิเวอร์พูล

หากถามว่าเขาเหมาะกับระบบ 4-3-3 ของลิเวอร์พูลหรือไม่ ตอนนี้คำตอบคือเล่นได้สบาย ๆ แต่ทว่าจากที่เราเคยเกริ่นมาก่อนหน้านี้แล้วว่าหนึ่งในสไตล์การเล่นของเขาคือการเล่นแบบบ็อกซ์ทูบ็อกซ์และดูเหมือนว่าจะถนัดแนวนี้มากที่สุดถึงแม้ว่าเขาจะสามารถถอยลงมาเล่นกลางรับได้ก็ตาม และถ้าดูจากผังการยืน 11 ตัวจริงของคล็อปป์ในฤดูกาลนี้พบว่า กราเฟนเบิร์ช อาจยืนเป็นกองกลางตัวกลางโดยมี โซบอสซ์ไล กับ แม็ค อัลลิสเตอร์ คอยประกบข้าง จึงหมายความว่า วาตารุ เอ็นโด ที่จองสัมปทานมาก่อนก็มีโอกาสลดบทบาทไปเป็นตัวสำรองแม้ว่าจะเป็นกองกลางตัวรับธรรมชาติกว่ากราเฟนเบิร์ช แต่ทั้งนี้ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าเขาจะมาถึงแล้วเบียดตัวจริงเอ็นโดได้เลย ซึ่งการมาของเขาจะทำให้ลิเวอร์พูลมีตัวเลือกผู้เล่นตำแหน่งกองกลางที่หลากสไตล์มากขึ้น อันประกอบด้วย เอ็นโด-กลางรับ / โจนส์, เอลเลียตต์-กลางรุก / ติอาโก้, บายเซติช-กลางตัวออกบอล / โซบอสซ์ไล, แม็ค อัลลิสเตอร์, กราเฟนเบิร์ช-บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ จึงพอสรุปได้ว่าตอนนี้หงส์แดงมีแต่ได้กับได้ถ้าหากคว้ากราเฟนเบิร์ชมาร่วมทีม เพราะเขาคนเดียวสามารถซัพพอร์ตกองกลางได้หลายรูปแบบเห็นได้จากสถิติในฤดูกาล 2022-23 ที่ผ่านมาบ่งบอกว่าเขาคือแข้งสายสมดุลของจริง ซึ่งเขาสามารถสร้างโอกาสได้ 8 ครั้ง, เลี้ยงบอล 17 ครั้ง, เข้าปะทะ 17 ครั้ง, เคลียร์บอล 10 ครั้งและสกัดบอล 9 ครั้ง ดังนั้นแฟน ๆ หงส์แดงสบายใจได้เลยว่าแข้งรายนี้จะลงล็อกกับทีมอย่างแน่นอนในไม่ช้าก็เร็ว

🔶15 วินาทีทายผลเกมลุ้นรับรางวัล 👉 https://sytgn.com/premier-league2023

🔶ติดตาม SYT LINE ไม่พลาดข่าวการแข่งขันกีฬา 👉 https://sytgn.com/SYTlinefriends