photo skysports.com

การแข่งขันฟุตบอล ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นั้น เรียกได้ว่า เป็นรายการที่ดุเดือดสุดๆเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นลีกที่เล่นกันด้วยความเร็ว ดุดัน และปะทะกันอย่างหนักหน่วงในหลายๆ จังหวะ ซึ่งเคยมีนักเตะหลายคนที่ปรับตัวไม่ได้ และต้องย้ายออกไปเล่นในประเทศอื่น

อย่างไรก็ตาม มีนักเตะจำนวนหนึ่งที่กลับสร้างความเซอร์ไพรส์ด้วยการระเบิดฟอร์มได้อย่างประทับใจ แม้พวกเขาเหล่านั้น จะอยู่ในช่วงท้ายของอาชีพนักฟุตบอลแล้วก็ตาม และนี่คือ 5 แข้งมากประสบการณ์แสดงให้เห็นแล้วว่า สภาพร่างกาย และอายุ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการเล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี

photo skysports.com

1. สลาตัน อิบราฮิโมวิช (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) ศึก พรีเมียร์ลีก

ในระหว่างปี 2012-1016 ศูนย์หน้าชาวสวีเดน ประสบความสำเร็จอย่างมากมายกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง สโมสรดังในศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส และหลังจากนั้น เจ้าตัวก็ย้ายมาหาความท้าทายใหม่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของ โชเซ มูรินโญ่ อดีตโค้ชชาวโปรตุเกส

อิบราฮิโมวิช ประเดิมแชมป์แรกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ทันทีที่ย้ายมา ด้วยการเป็นคนยิงประตูชัยให้ พบพรรค “ปีศาจแดง” เฉือนเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-1 คว้าแชมป์ คอมมูนิตี้ ชิลด์ ในปี 2016 และยังทำประตูได้ในการประเดิม พรีเมียร์ลีก เกมแรกอีกด้วย

สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ ในปีแรกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยวัยมากถึง 35 ปี  อิบราฮิโมวิช กลับระเบิดสกอร์ใน พรีเมียร์ลีก ไปมากถึง 17 ประตู จาก 28 เกม และมีส่วนช่วยให้ “ปีศาจแดง” คว้าแชมป์ยุโรป้า ลีก และฟุตบอลถ้วย ลีก คัพ ได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลัง  อิบราฮิโมวิช มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้ไม่ได้ลงสนามมากนัก และเจ้าตัวตัดสินใจอำลาถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไปเล่นกับ แอลเอ กาแล็คซี ในเมเจอร์ลีก ซ็อตเกอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2018

photo skysports.com

2. เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์)

ย้อนกลับไปในปี 2001 อดีตหัวหอกระดับตำนานของทีมชาติอังกฤษ ในวัย 35 ปี ซึ่งกำลังค้าแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างความตื่นตะลึงหลังจากรับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักเตะอาชีพของอังกฤษ หรือ PFA กับ

อย่างไรก็ตาม แม้จะประสบความสำเร็จมากมายกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ เชอร์ริงแฮม ก็ตัดสินใจเลือกหวนกลับไปค้าแข้งกับอดีตทีมเก่าอย่าง ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ แม้ในเวลานั้น จะได้รับการเกลี้ยกล่อมจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการทีม “ปีศาจแดง” ก็ตาม

เชอร์ริงแฮม จรดปากกาเซ็นสัญญากับ สเปอร์ส เป็นเวลา 2 ปี และเขาก็ไม่ทำพลพรรค “ไก่เดือยทอง” ผิดหวังเลย หลังซัดไป 26 ประตู จาก 80 เกมรวมทุกรายการ ก่อนจะย้ายไปยัง พอร์ทสมัธ และแขวนสตั๊ดกับ โคลเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2008

photo skysports.com

3. แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ (ลิเวอร์พูล)

“ผมคิดว่า เขาเป็นการเซ็นสัญญาที่สร้างผลกระทบได้มากที่สุดของสโมสรแห่งนี้” นั่นคือคำพูดของ เชราร์ด อุลลิเย่ร์ อดีตเทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสของ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2000 ที่เคยกล่าวหลังการเซ็นสัญญากับ แม็คอัลลิสเตอร์ ในวัย 35 ปี มาจาก โคเวนทรี ซิตี้ แบบไม่มีค่าตัว

แม้ อดีตกองกลางเลือดวิสกี้ จะโดนใบแดงไล่ออกจากสนามในเกมนัดแรกที่พบกับ อาร์เซนอล แต่หลังจากนั้น เขาก็ใช้คุณภาพฝีเท้า และประสบการณ์ช่วยให้แดนกลางของ ลิเวอร์พูล แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

แม็คอัลลิสเตอร์ กลายเป็นส่วนสำคัญช่วยให้ ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของ อุลลิเย่ร์ คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ประกอบด้วย แชมป์ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า คัพ ซึ่งเจ้าตัวคว้ารางวัล “แมน ออฟ เดอะ แมตช์” ในเกมรอบชิงชนะเลิศกับ อลาเบส ด้วย

ศึก พรีเมียร์ลีก
photo skysports.com

4. เฟร์นานโด เอียร์โร่ (โบลตัน วันเดอเรอร์ส) ศึก พรีเมียร์ลีก

หากย้อนกลับไปในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โบลตัน ภายใต้การนำของกุนซือ แซม อัลลาไดซ์ กลายเป็นสโมสที่รวมนักเตะชื่อดังจอมเก๋าเอาไว้มากมาย อาทิ ยูริ จอร์เกฟฟ์ อดีตกองกลางทีมชาติฝรั่งเศส รวมถึง ออกุสติน เจย์ เจย์ โอโคชา ยอดจอมทัพทีมชาติไนจีเรีย และ เอียร์โร่ ก็คือหนึ่งในนั้น

เอียร์โร่ ถือเป็นนักเตะกองหลังระดับตำนานของทีมชาติสเปน และ เรอัล มาดริด เลยก็ว่าได้ ซึ่งหลังจากหลังประสบความสำเร็จอย่างมากมายทั้งในระดับชาติ และสโมสร อดีตกองหลัง “กระทิงดุ” ก็ย้ายไปเล่นกับ อัล รายยัน 1 ปี ก่อนจะมาเล่นกับ โบลตัน แบบสุดเซอร์ไพรส์ ในฤดูกาล 2004-05

อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่ในช่วงท้ายอาชีพ แต่ เอียร์โร่ บัญชาการเกรับให้กับ โบลตัน ได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเจ้าตัวลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไปมากถึง 28 นัด และยังช่วยให้ “เดอะ ทร็อตเตอร์ส” จบฤดูกาลกด้วยอันดับ 6 ก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ด

🔶15 วินาทีทายผลเกมลุ้นรับรางวัล 👉 https://th.sytesports.com/latest-sweepstakes/

🔶ติดตามSYT LINE ไม่พลาดข่าวการแข่งขันกีฬา 👉 https://sytgn.com/SYTlinefriends