Photo via sportskeeda

ธีรศิลป์ แดงดา ยังคงไม่ทิ้งลายยอดกองหน้าแห่งยุคแม้ว่าจะอายุ 35 ปีไปแล้วแต่เกมล่าสุดเจ้าตัวยังโหม่งประตูชัยในช่วงท้ายเกม ช่วยให้ “ทีมชาติไทย” เฉือนชนะเลบานอน 2-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศศึกคิงส์ คัพ ครั้งที่ 49 กับ “ทีมชาติอิรัก” ได้สำเร็จ ซึ่งในเกมนี้ถือเป็นเกมที่สำคัญสำหรับทีมชาติไทยเป็นอย่างมาก เพราะช้างศึกของเราต้องการนำถ้วยฟุตบอลพระราชทานคิงส์ คัพ กลับมาครอบครองอีกครั้งในรอบ 6 ปี

ทีมชาติไทย

ผลงาน 5 นัดหลังสุด

7 กันยายน 2023 ชนะ เลบานอน 2-1 (คิงส์ คัพ)

19 มิถุนายน 2023 ชนะ ฮ่องกง 1-0 (กระชับมิตร)

16 มิถุนายน 2023 เสมอ ไต้หวัน 2-2 (กระชับมิตร)

28 มีนาคม 2023 แพ้ ยูเออี 0-2 (กระชับมิตร)

25 มีนาคม 2023 แพ้ ซีเรีย 1-3 (กระชับมิตร)

วิเคราะห์ความพร้อมของไทย

ทีมชาติไทยไม่มีนักเตะคนใดที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมที่ผ่านมา ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเกมนี้ มาโน่ โพลกิ้ง พร้อมจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม ซึ่งจะนำมาโดยกัปตันทีมอย่าง ธีราทร บุญมาทัน ที่จะลงเล่นในแดนกลางอีกครั้งร่วมกับ สารัช อยู่เย็น ซึ่งการขยับมาเล่นเป็นกองกลางของ “โก๋อุ้ม” ก็จะทำให้ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ถอยไปเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย ส่วนทางฝั่งขวาแน่นอนว่าขวัญใจคนใหม่อย่าง นิโคลัส มิคเกลสัน พร้อมทำหน้าที่ต่อไป โดยที่มี เอเลียส ดอเลาะ กับ กฤษดา กาแมน ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟขณะที่แดนหน้า ธีรศิลป์ แดงดา ในวัย 35 ปี ยังคงเป็นกองหน้าตัวความหวังให้กับทีมชาติไทย พร้อมกับมี สุภโชค สารชาติ และ บดินทร์ ผาลา คอยสนับสนุนเกมรุก

11 ตัวจริงที่คาดของไทย

ไทย (4-2-3-1) : ฉัตรชัย บุตรพรม – นิโคลัส มิคเกลสัน, เอเลียส ดอเลาะ, กฤษดา กาแมน, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ – สารัช อยู่เย็น, ธีราทร บุญมาทัน – รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก, สุภโชค สารชาติ, บดินทร์ ผาลา – ธีรศิลป์ แดงดา

ทีมชาติอิรัก

ผลงาน 5 นัดหลังสุด

7 กันยายน 2023 ชนะจุดโทษ อินเดีย 5-4 (เสมอ 2-2)(คิงส์ คัพ)

17 มิถุนายน 2023 แพ้ โคลัมเบีย 0-1 (กระชับมิตร)

19 มกราคม 2023 ชนะ โอมาน 3-2 (อาหรับ กัลฟ์ คัพ)

16 มกราคม 2023 ชนะ กาตาร์ 2-1 (อาหรับ กัลฟ์ คัพ)

12 มกราคม 2023 ชนะ เยเมน 5-0 (อาหรับ กัลฟ์ คัพ)

วิเคราะห์ความพร้อมของอิรัก

ข่าวดีของทีมชาติอิรักนั่นก็คือพวกเขาไม่มีผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมนัดแรก อย่างไรก็ตาม ข่าวร้ายสุด ๆ นั่นก็คือเกมนัดชิงชนะเลิศจะไม่มี ซีดาน อิกบาล อดีตดาวรุ่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ติดโทษแบนหลังโดนใบแดงในเกมที่ผ่านมา ส่วนนอกนั้นไม่มีปัญหาผู้เล่นทุกคนพร้อมลงสนามในเกมนี้ เกมนี้อิรักจะยังคงนำมาโดยสองแนวรับผู้มีประสบการณ์ในไทยลีกอย่าง เรบิน ซูลากา อดีตผู้เล่นของบุรีรัมย์ และ ฟรานส์ ปูโตรส กองหลังจากการท่าเรือ ขณะที่ในแนวรุกมี อิบราฮิม บาเยช รับบทบาทเป็นกองกลางตัวรุก พร้อมด้วย บาสฮาร์ ราซาน กับ ฮุสเซน อาลี ขนาบข้าง และวาง อายเมน ฮุสเซน ผู้ทำประตูตีเสมอในเกมที่ผ่านมาเป็นกองหน้าตัวเป้า

11 ตัวจริงที่คาดของอิรัก

อิรัก (4-2-3-1) : ยาลาล ฮัสซัน – ฮุสเซน อาลี, เรบิน ซูลากา, ฟรานส์ ปูโตรส, อาลี อัดนาน – โอซามา ราชิด, อามีร์ อัล อมารี – ฮุสเซน อาลี, อิบราฮิม บาเยช, บาสฮาร์ ราซาน – อายเมน ฮุสเซน

ผลงานในการพบกันของทั้งสองทีม

31 ตุลาคม 2017 ไทย แพ้ อิรัก 1-2 (ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก)

11 ตุลาคม 2016 อิรัก ชนะ ไทย 4-0 (ฟุตบอลโลก 2016 รอบคัดเลือก)

24 มีนาคม 2016 อิรัก เสมอ ไทย 2-2 (ฟุตบอลโลก 2016 รอบคัดเลือก)

8 กันยายน 2015 ไทย เสมอ อิรัก 2-2 (ฟุตบอลโลก 2016 รอบคัดเลือก)

25 พฤษภาคม 2008 ไทย ชนะ อิรัก 2-1 (กระชับมิตร)

วิเคราะห์ผลการแข่งขัน

แน่นอนว่าเกมนี้ทีมชาติไทยเป็นรองกว่าในหลาย ๆ ด้านแม้ว่าจะได้เปรียบจากการเล่นในบ้านก็ตาม เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพผู้เล่น ความแข็งแกร่ง รวมไปถึงสถิติการพบกันที่ผ่านมาทีมชาติอิรักนั้นดูเหนือว่าอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะว่าเราจะเป็นรองผู้มาเยือนอยู่หลายอย่าง แต่เชื่อว่ากำลังใจจากแฟนบอลที่เข้ามาเชียร์ในสนามจะช่วยให้ “ทัพช้างศึก” ต่อกรกับบิ๊กทีมแห่งตะวันออกกลางได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ดังนั้นคาดว่าเกมนี้น่าจะจบ 90 นาที ด้วยผลเสมอไปก่อน ก่อนจะไปหาผู้ชนะและหาเจ้าของแชมป์ฟุตบอลพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 49 ด้วยการดวลจุดโทษ

สกอร์ที่คาด : ทีมชาติไทย 1-1 ทีมชาติอิรัก

🔶15 วินาทีทายผลเกมลุ้นรับรางวัล 👉 https://sytgn.com/premier-league2023

🔶ติดตาม SYT LINE ไม่พลาดข่าวการแข่งขันกีฬา 👉 https://sytgn.com/SYTlinefriends