Photo via AS USA – Diario AS

แม้ในเวลานี้ทั้ง ติโม แวร์เนอร์ และ โธมัส ทูเคิ่ล ต่างก็แยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเอง หลังจากที่เคยได้ร่วมงานกันในทีมเชลซี แต่ดูเหมือนเรื่องราวที่น่าจะพูดได้ว่าเป็นความบาดหมางของทั้งคู่ กลับถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง

โดย แวร์เนอร์ ได้ออกมาเปิดใจผ่านการให้สัมภาษณ์กับสื่อจอมแฉอย่าง The Sun ในเชิงตำหนิอดีตนายใหญ่ของเขาอย่าง ทูเคิ่ล ที่เป็นต้นเหตุให้ต้องตัดสินใจย้ายออกจากถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เพราะถูกมองข้ามและไม่ได้รับการยอมรับ ทั้งๆ ที่ในฤดูกาลแรกของเขากับ เชลซี แวร์เนอร์ ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงแทบทุกเกม แม้จะทำประตูได้ไม่มากแต่ก็มีส่วนร่วมกับเกมรุกของทีม พอเข้าสู่ซีซั่นที่ 2 กับ เชลซี ทูเคิ่ล ลดระดับ แวร์เนอร์ เป็นเพียงตัวเลือกสำรอง และตัดสินใจไปคว้า โรเมลู ลูกากู มาทำหน้าที่แทนในตำแหน่งตัวจบสกอร์ ซึ่งสุดท้ายทั้ง ทูเคิ่ล และ ลูกากู ต่างก็ต้องอำลา เชลซี ไปแบบที่จบไม่ค่อยสวยทั้งคู่

🔥 ดูพรีเมียร์ลีก ร่วมทายผลลุ้นโชคหลักหมื่น👉 https://sytgn.com/2023premierleague

Photo via Football365

นักเตะอยู่ยาก…เมื่อผู้จัดการทีมไม่เชื่อมั่น

แนวรุกทีมชาติเยอรมันสัมผัสได้ว่าตัวเขาไม่เป็นทีมยอมรับของ ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีมคนบ้านเดียวกัน ซึ่ง แวร์เนอร์ มองว่าตลอดช่วงเวลาที่เขาค้าแข้งอยู่กับ เชลซี เขามีผลงานที่น่าพอใจ และมีส่วนช่วยพาทีมสิงห์บลูคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ในฤดูกาลแรกที่เข้าย้ายมาร่วมทีม แต่ในฤดูกาลที่ 2 ทูเคิ่ล แสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่ไว้ใจเขากับการเล่นในตำแหน่งศูนย์หน้า จึงให้สโมสรทุ่มเงินจำนวนมหาศาลกว่า 100 ล้านปอนด์ คว้าตัว โรเมลู ลูกากู มาร่วมทีม

“ผมมีช่วง 6 เดือนแรกที่ดีมากที่ เชลซี ซึ่งเป็นสิ่งที่กองเชียร์และสโมสรคาดหวังในตัวผม ผมยิงประตูและเล่นเกมได้ดี” แวร์เนอร์ เผยกับ The Sun

“เมื่อคุณได้รับความสำเร็จแบบที่ผมทำได้ทั้งตอนทีเล่นในเยอรมันหรือกับ เชลซี ซึ่งผมลงเล่นเกือบทุกเกมในฤดูกาลแรก, ช่วยทีมคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2021, ทำประตูได้ในรอบรองชนะเลิศที่เจอกับ เรอัล มาดริด, ผมมีส่วนร่วมกับหลายประตูที่ทีมทได้”

“จากนั้นผู้จัดการทีมกลับลืมเรื่องทั้งหมดนี้ไป มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องย้ายกลับไปที่ ไลป์ซิก เพื่อให้ตัวเองสนุกกับฟุตบอลอีกครั้ง ผมไม่ได้รู้สึก (ไม่ดี) แบบนั้นอีกแล้ว แต่คุณก็ต้องการความรู้สึกนี้ (สนุกกับการเล่นฟุตบอล) เพื่อประสบความสำเร็จ บางครั้งมันเป็นแบบนั้น สุดท้ายผมก็แค่ต้องการย้ายออกไป”

“ท้ายที่สุดแล้ว ผู้จัดการทีมอาจจะรู้สึกชอบผู้เล่นบางคนมากกว่าคนอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องปกติ และคุณก็ต้องยอมรับมัน”

Photo via TEAMtalk

การมาของ ลูกากู คือจุดแตกหัก!

แวร์เนอร์  ชี้ชัดแบบเจาะจงลงไปอีกว่า จุดแตกหักที่ทำให้เขารู้สึกว่าไม่เป็นที่ยอมรับของ ทูเคิ่ล ก็การที่ทีมคว้าตัว ลูกากู มาจาก อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติสโมสรในเวลานั้นที่ราคา 97.5 ล้านปอนด์ ช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2021-22 เพื่อมาเป็นตัวผลิตสกอร์ให้กับทีม หลังจากศูนย์หน้าร่างยักษ์ทีมชาติเบลเยียมทำผลงานยอดเยี่ยมกับทีมงูใหญ่

ซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับการตัดสินใจของ ทูเคิ่ล ที่ต้องไปคว้าตัว ลูกากู มาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการยิงประตู เพราะในฤดูกาล 2020-21 แม้ว่า เชลซี จะจบในอันดับที่ 4 ของพรีเมียร์ลีก แต่ถ้าดูกันที่จำนวนประตูที่ทำได้ ทีมสิงห์บูล เป็นทีมที่ทำประตูได้น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับทีมอื่นๆ ใน 7 อันดับแรกของตารางคะแนน โดยดาวซัลโวของทีมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนั้นคือกองกลางอย่าง จอร์จินโญ่ ที่ทำไป 7 ประตู ส่วน แวร์เนอร์ ยิงประตูในลีกได้แค่ 6 ประตู

แวร์เนอร์ ไม่มีความสุขที่ ทูเคิ่ล ตั้งใจดึง ลูกากู เข้ามา ซึ่งทำให้โอกาสลงสนามของเขาในทีมเชลซี น้อยลงทันที

“ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือเขา (ทูเคิ่ล) เลือกใช้ศูนย์หน้าอย่าง ลูกากู เป็นตัวเลือกก่อนหน้าผมในฤดูกาลที่ 2 หลังจากที่ผมคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยลงเล่นในฐานะตัวจริงให้ทีมเกือบทุกนัด”

“นั่นเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดสำหรับผมที่มีนักเตะมูลค่า 120 ล้านยูโร ที่เป็นตัวเลือกก่อนผม”

“โรเมลู เป็นกองหน้าที่เก่งและเขาต้องได้ลงเล่นหลังจากที่สโมสรเสียเงินไปมากในการคว้าตัวเขา และผมรู้สึกว่าไม่ได้รับการยอมรับอย่างที่ควรจะเป็น”

“บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมผมผมจึง,uฟอร์มการเล่นที่ขึ้นๆ ลงๆ ในตอนนั้น”

Photo via Irish Mirror

ยอมรับว่าผลงานไม่ดี แต่ไม่ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเอง

แต่ลึกๆ แวร์เนอร์ ก็ยอมรับว่าตัวเขาเองก็ทิ้งโอกาสในการทำประตูไปบ้าง ซึ่งบางครั้งอาจจะเกิดจากโชคที่ไม่เข้าข้างหรือจากการตัดสินที่ไม่เป็นใจของ VAR ซึ่งนั่นก็กลายเป็นเหตุผลให้เขาถูกมองว่าทำผลงานได้ไม่ดี และเป็นเหตุให้ผู้จัดการทีมไม่เชื่อมั่นในตัวเขา

นอกจากนี้การที่เขาถูกดึงเข้ามาสู่สโมสรเชลซี ในยุคที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ทำหน้าที่ผู้จัดการทีม เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกลายเป็น ทูเคิ่ล ที่เข้ามาทำหน้าที่แทน นั่นก็ย่อมส่งผลต่อแทคติกการเล่นของทีมและมีผลกับโอกาสลงสนามของเขาด้วยเช่นกัน

“ผู้จัดการที่ดึงผมเข้ามาคือ แลมพาร์ด เขาถูกไล่ออกในอีกไม่กี่เดือนต่อมา ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนักเตะที่เข้าร่วมสโมสรเพราะความต้องการของกับผู้จัดการทีมคนหนึ่ง แต่หลังจากนั้นต้องเปลี่ยนไปร่วมงานกับผู้จัดการทีมอีกคนหนึ่ง”

“ผมเองก็พลาดโอกาสในการทำประตูในบางครั้ง และโชคไม่ดีกับการตัดสินของ VAR”

“คุณคงเห็นว่าความมั่นใจของผมลดลง”

“มองจากภายนอก มันเป็นเรื่องง่ายที่จะจับให้ผมเป็นแพะรับบาป (เมื่อทีมผลงานไม่ดี) ไม่ว่าจะมาจากสื่อหรือโค้ชก็ตาม”

Photo via UEFA Champions League twiiter

ยังคงรักและรู้สึกขอบคุณแฟนบอลสิงห์บลู

แต่ท้ายที่สุดแม้ว่าช่วงเวลา 2 ปีของ แวร์เนอร์ กับ เชลซี จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีนักสำหรับเขา แต่ดาวเตะวัย 27 ปี ก็ยังให้ความเคารพและขอบคุณแรงสนับสนุนของแฟนบอลสิงห์บลูที่ช่วยทำให้เขารู้สึกดีเสมอ

“แต่อย่างน้อยแฟนๆ ก็คอยสนับสนุนผมเสมอ พวกเขาสนับสนุนผม ผมไม่สามารถพูดในสิ่งที่ไม่ดีกับพวกเขาแน่นอน”

ฤดูกาลนี้ แวร์เนอร์ ย้ายกลับมาอยู่กับ ไลป์ซิก อีกครั้ง และพยายามเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมา โดยถึงตอนนี้ แวร์เนอร์ ลงสนามให้ทีมไปแล้ว 26 เกม ยิงได้ 12 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์

🔶ทายผลพรีเมียร์ลีกใน 15 วินาที รับ iPhone 14 กลับบ้าน! 👉https://sytgn.com/premier-league2023

🔶ติดตามSYT LINE ไม่พลาดข่าวการแข่งขันกีฬา 👉https://sytgn.com/SYTlinefriends