Photo via Manchester Evening News

ทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ อีริค เทน ฮาก กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมสุดๆ กลับมาเป็นทีมที่เล่นได้อย่างแข็งแกร่งทั้งเกมรุกและเกมรับ ทำให้ทีมมีโอกาสลุ้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและแชมป์บอลถ้วยอีกหลายรายการในฤดูกาลนี้

ซึ่งถ้าดูไปที่บรรดาแข้งตัวหลักของทีมชุดนี้ มีหลายคนที่เป็นนักเตะเชื้อสายอเมริกาใต้ โดยเฉพาะ 3 นักเตะที่ เทน ฮาก เป็นคนเลือกดึงมาอยู่กับ แมนฯยู ฤดูกาลนี้เป็นปีแรก อย่าง คาเซมิโร่ (บราซิล), ลิซานโดร มาร์ติเนซ (อาร์เจนติน่า) และ แอนโทนี่ (บราซิล) ซึ่งทั้ง 3 คนต่างก็ทำผลงานได้น่าประทับใจ โดยเฉพาะกับ คาเซมิโร่ และ มาร์ติเนซ ที่ทำให้เกมรับของ แมนฯยู เหนียวแน่นสุดๆ เป็นตัวหลักที่ทีมขาดไม่ได้ในเวลานี้

📌แอดไลน์เพื่อรับข้อมูลข่าวกีฬาใหม่ล่าสุด👉 https://sytgn.com/LINES

แต่ใช่ว่าที่ผ่านมา นักเตะจากทวีปอเมริกาใต้ทุกคนจะประสบความสำเร็จกับการเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่รู้ว่าเป็นแค่เหตุบังเอิญหรือเป็นคำสาป ที่บรรดาแข้งจากอเมริกาใต้ที่เคยมีโอกาสสวมเสื้อสีแดงเป็นผู้เล่นของ แมนฯยู มักจะมีผลงานน่าผิดหวัง ไม่ว่าจะเคยเก่งเคยดังมาจากที่ไหน แต่พอย้ายมาเป็นแข้งปีศาจแดง เหมือนทิ้งความสามารถทั้งหมดเอาไว้ที่หน้าประตูสโมสร

เราลองมาย้อนอดีตไปดูว่า บรรดานักเตะจากทวีปอเมริกาใต้ที่เคยมาค้าแข้งกับทีมปีศาจแดง ต้องประสบชะตากรรมเจอปัญหาเรื่องฟอร์มในสนามแบบไหนกันบ้าง

Photo via Goal.com

1.
แอนเดอร์สัน (2007-15)

หลังจากสร้างชื่อได้ตั้งแต่เป็นดาวรุ่งสมัยที่เล่นกับ เอฟซี ปอร์โต้ ช่วยให้ทีมดังของลีกโปรตุเกส คว้าแชมป์ลีก 2 ปีติด ฟอร์มเข้าตา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จนยอมจ่ายถึง 20 ล้านยูโรดึงมาอยู่กับปีศาจแดงในปี 2007-08 แม้จะได้อยู่กับทีมถึง 8 ปี แต่ดูเหมือนพัฒนาการเรื่องฝีเท้าของ แอนเดอร์สัน มีแต่จะลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ จากที่ถูกยกให้เป็นดาวรุ่งน่าจับตา กลายเป็นแค่นักเตะดาดๆ ที่โชคดีได้มาเล่นให้ทีมใหญ่อย่าง แมนฯยู แม้จะเล่นตำแหน่งกองกลางกึ่งหน้าต่ำ แต่ตลอด 8 ปีในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แอนเดอร์สัน ลงเล่นไป 181 เกม แต่ยิงได้แค่ 9 ประตูเท่านั้น

2.
ฟาบิโอ ดา ซิลวา (2008-14)

คู่แฝด ดา ซิลวา ไปต้องตาต้องใจแมวมองของ ยูไนเต็ด ตอนที่ ฟลูมิเนเซ่ ต้นสังกัดในบราซิล มาแข่งทัวร์นาเม้นต์ไนกี้ พรีเมียร์ คัพ ที่ฮ่องกง เมื่อปี 2005 ที่ตอนนั้นฝาแฝด ดา ซิลวา เพิ่งจะอายุ 15 แม้จะมีโอกาสได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ แมนฯยู อยู่บ้าง แต่ก็น้อยจนนับนิ้วได้ ด้วยความที่ตำแหน่งที่ ฟาบิโอ เล่นคือแบ็คซ้าย ซึ่งตอนนั้น ปาทริช เอฟร่า ยึดสัมปทานยาว สุดท้าย ฟาบิโอ ก็ต้องย้ายออกไปอยู่กับ คาร์ดิฟฟ์ ในปี 2013 ต่อด้วย มิดเดิลสโบรห์ และ น็องต์ ในฝรั่งเศส

Photo via Bleacher Report

3.
ราฟาเอล ดา ซิลวา (2008–15)

ราฟาเอล ดูจะประสบความสำเร็จในถิ่นโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด มากกว่า คู่แฝด ฟาบิโอ เป็นเพราะตำแหน่งแบ๊คขวาที่ ราฟาเอล เล่น โอกาสดูจะเปิดกว้างมากกว่า หลังจากหมดยุคของ แกร์รี่ เนวิลส์ ท่านเซอร์ก็ไม่ได้หาซื้อใครมาแทน พร้อมกับดัน ราฟาเอล ขึ้นมาเล่นเป็นตัวหลัก ช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกได้ 3 สมัย แต่หลังจากหมดยุคของเฟอร์กี้ มาถึงยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล ราฟาเอล ก็ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีม สุดท้ายก็โดนปล่อยไปอยู่กับลียงในปี 2015

Photo via BeIN Sport

4.
อังเคล ดิ มาเรีย (2014-15)

อังเคล ดิ มาเรีย ย้ายจาก เรอัล มาดริด มาอยู่กับ แมนฯยู พร้อมสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดที่ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ประมาณ 60 ล้านปอนด์ ในปี 2014 พร้อมความคาดหวังจากแฟนบอลปีศาจแดงว่า ดิ มาเรีย จะรับบทบาทเป็นจอมทัพหมายเลข 7 คนใหม่ที่นำความสำเร็จกลับมาสู่สโมสร แม้ว่าฤดูกาลนั้น แมนฯยู จะจบในอันดับที่ 4 แต่นั้นยังไม่ดีพอที่แฟนบอลต้องการ และคนที่เหมือนจะกลายเป็นแพะรับบาปที่ทีมต้องเจอกับความล้มเหลวก็หนีพ้น ดิ มาเรีย ในฐานะที่ย้ายมาอยู่กับทีมด้วยค่าตัวมหาศาล ซึ่ง ดิ มาเรีย เองก็เหมือนจะไม่แฮปปี้กับเสียงวิจารณ์ที่ได้รับ แนวรุกชาวอาร์เจนไตน์ เลยเลือกที่จะย้ายหนีออกจาก แมนฯยู ทันทีหลังจบฤดูกาล ทั้งๆ ที่เพิ่งมาเล่นได้แค่ปีเดียว ซึ่งทำให้แฟนบอลปีศาจแดงไม่ปลื้ม ดิ มาเรีย มาจนถึงทุกวันนี้

5.
ราดาเมล ฟัลเกา (2014-15)

ก่อนจะย้ายมาเล่นกับ แมนฯยู ราดาเมล ฟัลเกา คือ 1 กองหน้าที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุดของยุโรป ตอนที่เล่นกับ แอตฯมาดริด ช่วงปี 2011-13 ลงเล่น 91 นัด ยิงไปถึง 70 ลูก ช่วงที่ย้ายมาเล่นกับ โมนาโก แม้ว่าจะโดนอาการบาดเจ็บหนักเล่นงาน ก็ยังอุตส่าห์ยิงไปได้ 13 ลูกจากการลงสนาม 21 นัด แต่ ฟัลเกา กลับล้มเหลวโดยสิ้นเชิงกลับย้ายมาเล่นให้ แมนฯยู ลงสนามทั้งหมด 29 เกมยิงได้แค่ 4 ลูก ช่วงเวลาของ ฟัลเกา กับแมนฯยู เลยจบอย่างรวดเร็วเพียงแค่ฤดูกาลเดียว

Photo via Goal.com

6.
ดิเอโก้ ฟอร์ลัน (2001-04)

สมัยเป็นดาวรุ่งเล่นให้กับทีมดังของลีกอาร์เจนติน่าอย่าง อินเดเพนเดียนเต้ ประสิทธิภาพในการผลิตสกอร์ของ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา ยิงได้ 36 ประตูจากลงเล่น 77 เกม จนไปเข้าตาหลายทีมดังในยุโรป ซึ่งตอนปี 2002 มีข่าวว่า ฟอร์ลัน จ่อจะได้ย้ายไปอยู่กับ มิดเดิลสโบรห์ ทั้งค่าตัวทั้งสัญญาเจรจากันเสร็จเรียบร้อย แต่อยู่ดีๆ แมนฯยู ก็โผล่เข้ามาแล้วกระชาก ฟอร์ลัน ไปอยู่ร่วมทีม แต่กลายเป็นว่าชีวิตในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดของศูนย์อุรุกวัยดูจะไม่ค่อยสดใสสักเท่าไหร่ เพราะยิงประตูได้น้อย บทบาทส่วนใหญ่ก็เป็นได้แค่ตัวสำรอง จนถูกทั้งแฟนบอลทีมอื่นและแฟนบอลปีศาจแดงเองมองว่านี่คือการซื้อตัวที่น่าผิดหวัง สุดท้าย ฟอร์ลัน ก็ได้เป็นนักเตะปีศาจแดงแค่ 3 ฤดูกาล ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ บียาร์เรอัล แล้วกลายเป็นว่า ฟอร์ลัน ไปยิงกระจายที่สเปน คว้ารางวัลดาวยิงสูงสุดของยุโรปได้ถึง 2 สมัย แถมเป็นดาวซัลโวสูงสุดของศึกฟุตบอลโลก 2010 ด้วยอีกต่างหาก

7.
เคลแบร์สัน (2003-05)

หลังจากทำผลงานโดดเด่นมีส่วนช่วยให้บราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 ทำให้หลายทีมใหญ่ในยุโรปอยากจะดึงตัว เคลแบร์สัน ไปร่วมทีม ทั้ง ลีดส์, เซลติก, นิวคาสเซิล หรือแม้แต่ บาร์ซ่า แต่สุดท้ายเป็น แมนฯยู ที่กล่อมจนกองกลางบราซิลยอมย้ายมาร่วมทีม ด้วยสนนราคาค่าตัว 6.5 ล้านปอนด์ แต่กลายเป็นว่าการย้ายมาเล่นในยุโรปหนแรกในชีวิตของ เคลแบร์สัน กับ แมนฯยู กลายมาเป็นฝันร้ายในอาชีพค้าแข้งของเจ้าตัว เพราะทั้งโชว์ฟอร์มเก่งไม่ออก แถมยังโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานเกือบตลอด ทำให้ 2 ปีในฐานะนักเตะแมนฯยู เคลแบร์สัน ลงเล่นไปแค่ 20 นัดเท่านั้น ก่อนจะย้ายไม่เล่นกับ เบซิคตัส ในตุรกี แต่อยู่ได้แค่ 2 ปี ก็ต้องย้ายกลับไปเล่นในลีกบราซิลบ้านเกิด

8.
ฮวน เซบาสเตียน เวรอน (2001-03)

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในการเล่นที่อิตาลีทั้งกับ ซามพ์โดเรีย, ปาร์ม่า และ ลาซิโอ คว้าแชมป์มาครองมากมาย จนในฤดูกาล 2000-01 เซอร์ อเล็กซ์ ต้องการยกเครื่องใหม่ทีมปีศาจแดง จัดการสอยแข้งบิ๊กเนมมาทั้ง รุด ฟาน นิสเตลรอย, โลร็องต์ บล็อง และรวมทั้ง ฮวน เวรอน ด้วยค่าตัว 24.3 ล้านปอนด์ ทำสถิติเป็นนักเตะที่ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกค่าตัวแพงที่สุด ณ เวลานั้น ซึ่งกองกลางสไตล์เพลย์เมคเกอร์เชิงสูงแบบ เวรอน ไม่เคยมีมาก่อนในทีมปีศาจแดง เลยทำให้การเล่นของ เวรอน ไม่เข้ากับ แมนฯยู แม้จะอยู่ในทีมชุดแชมป์พรีเมียร์ลีกปี 2002-03 หลังจากอยู่เล่นกับปีศาจแดงแค่ 2 ปี ก็ถูกขายต่อไปให้ เชลซี แต่ดูเหมือน เวรอน ก็ยังคงปรับตัวให้เข้ากับบอลอังกฤษไม่ได้อยู่ดี เล่นกับ เชลซี ได้ปีเดียว ก็ย้ายกลับมาเล่นในอิตาลีกับ อินเตอร์ มิลาน

Photo via The Telegraph

9.
อเล็กซิส ซานเชส (2017-19)

อเล็กซิส ซานเชส ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับ แมนฯยู พร้อมรับค่าเหนื่อยก้อนโต ดาวเตะชาวชิลีคือผู้เล่นเบอร์ 1 ของ อาร์เซนอล เป็นตัวหลักในการผลิตสกอร์ ฤดูกาล 2016-17 ซานเชส ยิงประตูให้เกมลีกให้กับ ไอ้ปืนใหญ่ ไปถึง 24 ประตูจากการลงเล่น 38 เกม แต่หลังจากย้ายมาอยู่ แมนฯยู ในช่วงครึ่งซีซั่นหลังของฤดูกาล 2017-18 ดาวเตะทีมชาติชิลียิงประตูให้ แมนฯยู ไปแค่ 3 ประตู จากการลงเล่นในลีก 32 เกม ตลอด 1 ปีครึ่งที่อยู่กับทีม สุดท้าย แมนฯยู ต้องยอมปล่อย ซานเชซ ไปเล่นกับ อินเตอร์ มิลาน ด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาล 2019/20 และปล่อยให้ย้ายถาวรแบบไม่มีค่าตัวในปีถัดมา

💪 อัพเดททุกการเคลื่อนไหว ฟุตบอล ทั้งหมดที่ SYT Thailand

💪 อัพเดททุกการเคลื่อนไหว กีฬา ทั้งหมดที่ SYT Thailand

👉 ติดตามแฟนเพจ Facebook ของเรา Support Your Team – Thailand