Photo via Marca

ชั่วโมงนี้ไม่มีศูนย์หน้าคนไหนมีฟอร์มถล่มประตูร้อนแรงไปกว่า เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ศูนย์หน้าวัย 22 ปีของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกแล้ว ฤดูกาลนี้ลงเล่นให้กับทีมเรือใบสีฟ้า ไป 33 เกม ทำได้ 33 ประตู ซึ่งตลอดเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลของ ฮาแลนด์ เจ้าตัวสั่งสมประสบการณ์ เพาะบ่มความเป็นเครื่องจักรสังหารประตูมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยเริ่มต้นค้าแข้งในลีกนอร์เวย์บ้านเกิด ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ ซัลซ์บวร์ก มาอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ และในเวลานี้กับยอดทีมของอังกฤษอย่าง แมนฯซิตี้

ลองมาดูกันว่า ความเก่งฉกาจในการสังหารประตูของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ มีที่มาที่ไปที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง

📌แอดไลน์เพื่อรับข้อมูลข่าวกีฬาใหม่ล่าสุด👉 https://sytgn.com/LINES

Photo via Jærbladet

1.

ฮาแลนด์ เป็นลูกชาย อัลฟ์-อิงเก้ ฮาแลนด์ อดีตกองกลางทีมชาตินอร์เวย์ ที่เคยค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ช่วงยุค 90 กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, ลีดส์ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้ ฮาแลนด์ จูเนียร์ ถือกำเนิดบนแผ่นดินอังกฤษ ที่เมืองลีดส์ ซึ่ง ฮาแลนด์ เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อในนอร์เวย์ว่า 1 ในความฝันของเขาคือการพา ลีดส์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

2.

ฮาแลนด์ เริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลด้วยการเป็นนักเตะเยาวชนของทีม Bryne FK สโมสรเดียวกับที่คุณพ่อของเขาเคยค้าแข้ง สมัยเริ่มต้นเล่นฟุตบอลในบ้านเกิด เจ้าหนูฮาแลนด์ สร้างความฮือฮาในการเล่นให้กับทีมสำรองของ Bryne FK ในฤดูกาล 2015-16 ยิงประตูไปได้ถึง 18 ลูกจากการลงสนาม 14 เกม จนถูกเรียกตัวขึ้นไปเล่นกับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 15

ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่กับ Bryne FK ได้แค่ปีเดียว แม้จะทำประตูให้ทีมไม่ได้เลยจากการลงเล่น 16 นัด แต่ด้วยผลงานในระดับเยาวชนทั้งกับสโมสรและทีมชาติ ทำให้ ฮาแลนด์ ถูกทีมดังของลีกนอร์เวย์อย่าง โมลด์ รีบดึงตัวไปร่วมทีม

Photo via FourFourTwo

3.

โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อดีตผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เป็นกุนซือของ โมลด์ ในเวลานั้น พูดถึง ฮาแลนด์ เอาไว้ว่า เป็นผู้เล่นแนวรุกที่มีความสามารถรอบตัว แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือ พรสวรรค์อันเหลือเชื่อและทักษะที่หลากหลายในการจบสกอร์ นอกจากนี้ โซชาร์ ยังบอกอีกว่าประทับใจ ฮาแลนด์ ตั้งแต่เห็นฟอร์มครั้งแรก แถมมั่นใจว่าเด็กคนนี้จะต้องพัฒนาขึ้นไปเป็นสุดยอดนักเตะได้อย่างแน่นอน

ส่วน ฮาแลนด์ ก็ยกให้ โซลชาร์ เป็นคนที่สร้าง impact ครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา ช่วยสอนหลายสิ่งหลายอย่าง เป็นคนที่นิสัยดี เป็นโค้ชที่ดี และมีส่วนสำคัญที่ทำให้ ฮาแลนด์ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและก้าวขึ้นมาเป็น 1 ในศูนย์หน้าที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานี้

4.

อยู่กับ โมลด์ 2 ปี ลงเล่นให้ทีมไปทั้งหมด 50 เกม ยิง 20 ประตู โดยมีอยู่หนึ่งเกมที่ ฮาแลนด์ สร้างผลงานอันสุดยอด ยิง 4 ประตู ใน 17 นาที ซึ่งเกิดขึ้นในเกมที่ โมลด์ บุกไปถล่ม บรานน์ 0-4 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2018 ยิงประตูแรกนาทีที่ 4 และยิงประตูที่ 4 นาทีที่ 11

โดยช่วงที่ ฮาแลนด์ ค้าแข้งกับ โมลด์ ก็เริ่มได้รับความสนใจจากหลายที่ยักษ์ใหญ่ในยุโรป ข่าวบอกว่า แมนฯยู ที่อาศัยความสนิทชิดเชื้อกับ โซลชาร์ เข้าไปดูฟอร์มของ ฮาแลนด์ หลายครั้ง นอกจากนี้ โซลชาร์ เองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า ทีมบอกปัดข้อเสนอซื้อตัวของ ฮาแลนด์ จากหลายทีม หนึ่งในนั้นมีข้อเสนอของทีมยักษ์ใหญ่แห่งจากอิตาลีอย่าง ยูเวนตุส ร่วมอยู่ด้วย

Photo via The Express Tribune

5.

ฮาแลนด์ เลือกจะย้ายไปเล่นกับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก แชมป์ 13 สมัยของลีกออสเตรีย ในปี 2018 โดยเหตุผลที่เลือกย้ายมาเล่นที่นี่ เพราะ ฮาแลนด์ มองว่าเป็นทีมที่เหมาะกับเขา ณ เวลานั้น เขามองถึงโอกาสที่จะลงสนามอย่างสม่ำเสมอ ซึ่ง ซัลซ์บวร์ก น่าจะมอบสิ่งนั้นให้กับเขาได้

ซึ่ง ฮาแลนด์ ก็ทำผลงานอันสุดยอดในการลงเล่นให้ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมลงเล่นในเกมทางการให้ทีมไปแล้ว 11 นัดรวมทุกถ้วย ยิงไปแล้ว 18 ลูก ซัดแฮทริกให้ทีมไป 4 ครั้ง

6.

สร้างชื่อในศึกฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ด้วยการยิงคนเดียว 9 ลูก ในเกมที่ นอร์เวย์ ถล่มเอาชนะ ฮอนดูรัส 12-0 ในเดือนพฤษภาคม 2019 แม้ทัวร์นาเม้นต์นั้น นอร์เวย์ จะมาได้แค่รอบแบ่งกลุ่ม แต่นับตั้งแต่นั้นไปต้นมาชื่อของ ฮาแลนด์ ก็เป็นที่สนใจของแฟนบอลทั่วโลก

7.

ไม่น่าแปลกใจที่ไอดอลของ ฮาแลนด์ คือยอดจอมถล่มประตูอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช โดย ฮาแลนด์ เคยให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์สโสรซัลซ์บวร์ก ว่าเขามีนักเตะที่เป็นต้นแบบในการเล่นฟุตบอลหลายคน แต่ อิบราฮิโมวิช คือคนทีมีอิทธิพลต่อเขามากที่สุด

นอกจาก อิบราฮิโมวิช ก็ยังมี คริสเตียโน โรนัลโด้ เป็นอีกหนึ่งนักเตะดังที่ ฮาแลนด์ ยึดถือเป็นต้นแบบ ในเรื่องของการดูแลร่างกาย โดย ฮาแลนด์ หันมากินปลา ตามแบบ โรนัลโด้ เพราะมองว่านี่คือสิ่งที่ควรทำถ้าอยากจะก้าวขึ้นไปเป็นนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จแบบ โรนัลโด้

Photo via Eurosport

8.

ฮาแลนด์ คนพ่อ พูดถึงเหตุผลที่ลูกชายก้าวขึ้นมาจนถึงจุดนี้ได้ ล้วนแล้วแต่มาจากแรงพลักดันที่มีอยู่ในตัว ไม่ได้ใช้เส้นสายหรือบารมีของพ่อที่เคยเป็นนักเตะที่เคยลงเล่นในพรีเมียร์ลีกแต่อย่างใด

พ่อของ ฮาแลนด์ บอกว่าเขาเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเป็นนักฟุตบอลที่เก่งในตัวลูกชายเสมอ ตอน ฮาแลนด์ อายุ 11 – 12 เขาจะออกไปเล่นฟุตบอลกับพวกเด็กที่อายุมากกว่า  เขาต้องการพัฒนาให้ตัวเองเก่งขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเรื่องของความตั้งใจแบบเกินร้อย ฮาแลนด์คนพ่อ บอกว่านั่นอาจจะเป็น DNA ที่ลูกชายได้รับสืบทอดไปจากเขา เขาพร้อมจะใช่มันเมื่ออยู่ในสนาม พร้อมจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อไปให้ถึงความฝันของตัวเอง นั่นเป็นที่มาที่ ฮาแลนด์ ตัดสินใจย้ายออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 16 เพื่อไปอยู่กับ โมลด์

9.

ความเป็นเด็กที่จริงจังและตั้งเป้าหมายเอาไว้สูงในเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลของ ฮาแลนด์ ทำให้แทบทุกช่วงเวลาของชีวิตวนเวียนอยู่แต่เรื่องฟุตบอล ขนาดหลังเสร็จสิ้นการซ้อม เพลงที่ ฮาแลนด์ ชอบฟังระหว่างนั่งรถกลับบ้าน คือเพลงธีมของการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฮาแลนด์ บอกว่าเป็นเพลงสุดโปรดของเขา เพราะฟังมาตั้งแต่เด็ก พอมาได้ยินเพลงนี้สดๆ ตอนเดินลงสนาม ยิ่งเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ

💪 อัพเดททุกการเคลื่อนไหว ฟุตบอล ทั้งหมดที่ SYT Thailand

💪 อัพเดททุกการเคลื่อนไหว กีฬา ทั้งหมดที่ SYT Thailand

👉 ติดตามแฟนเพจ Facebook ของเรา Support Your Team – Thailand